CES 2017 กับ 5 เทรนด์ ชี้นำตลาดไอทีประจำปีนี้

CES 2017 กับ 5 เทรนด์ ชี้นำตลาดไอทีประจำปีนี้

CES 2017 หรือชื่อเต็มของงานนี้ก็คือ (Consumer Electronics Show) ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมประจำปีที่ใหญ่ที่สุดของโลก


 

ปีนี้งาน CES จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 50 แล้ว ภายในงานไม่ใช่แค่การเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ แต่ยังเป็นตัวชี้นำให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดไอทีภายในปีนี้และในอนาคตอันใกล้อีกด้วยโดยบทสรุปของเทคโนโลยีที่มาแรงในงาน CES 2017 ที่เรานำมาจัดอันดับ 5 เทรนด์ชี้นำตลาดไอทีมีดังนี้

lenovo-smart-assistant-all-colors-3

1.ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) เมื่อสิ่งของสามารถพูดคุยกับเราได้

ในปีนี้เทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์หลากหลายชนิดมากขึ้น ซึ่งงาน CES 2017 แสดงให้เห็นแล้วว่า AI ที่มีชื่อว่า “Alexa” จาก Amazon ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำต่าง ๆ มีการนำมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์อย่าง ลำโพงทรงกระบอก (เช่น Lenovo Smart Assistant) , สมาร์ทโฟน (Huawei Mate 9 รุ่นวางขายเฉพาะในสหรัฐฯ) ทีวี, รถยนต์ และตู้เย็น เพื่อให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นเพียงใช้คำพูดในการสั่งงาน

iot

2.IoT (Internet of Things) เมื่อสิ่งของทุกชนิด สามารถรับคำสั่งทำงานผ่านอินเตอร์เน็ต

อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ Internet of Things (IoT) แต่ในปีนี้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่แค่อุปกรณ์ประเภท Smart Home ยังกระจายไปถึงเครื่องใช้ส่วนตัวอย่าง “หวี” ซึ่งภายในงาน CES 2017 ความร่วมมือของ 3 บริษัทอย่าง Withings, Kerastase และ L’Oreal ได้พัฒนา Kerastase Hair Coach แปรงหวีผมอัจฉริยะ ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการเครื่องไหว, เซนเซอร์ตรวจจับการหมุน สามารถตรวจวัดสุขภาพของเส้นผมได้ พร้อมเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธเพื่อวิเคราะห์และรายงานข้อมูลของเส้นผมให้เรารู้ได้ และอื่น ๆ เช่นแปลงสีฟันที่ทำให้เราสามารถแปลงฟันได้อย่างถูกต้อง และทั่วถึงทุกซี่ ขณะที่บริษัทอย่าง Griffin Technology ได้พัฒนาสินค้าประเภทเครื่องปิ้งขนมปัง และเครื่องชงกาแฟอัจฉริยะ ที่สามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เพื่อควบคุมหรือกำหนดการทำงานต่าง ๆ ได้ และยักใหญ่ Samsung ก็ได้กล่าวว่า ภายในอีก 3 ปีข้างหน้าสินค้าของซัมซุงทุกชนิด จะสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้

mixed-reality

People wear Samsung Gear VR devices as they attend the launching ceremony of the new Samsung S7 and S7 edge smartphones during the Mobile World Congress in Barcelona, Spain, February 21, 2016. REUTERS/Albert Gea TPX IMAGES OF THE DAY - RTX27XXM

3.Virtual Reality หรือโลกจำลองเสมือนจริง

ในงาน CES 2017 ค่อนข้างชัดเจนพอสมควรว่าการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างวัตถุเสมือนจริงผสานเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง (Mixed Reality) ร่วมกับอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น สังเกตได้จากการเปิดตัวแว่นตา Smartglasses อย่าง Lenovo New Glass C200, ODG R9 และ R9 รวมไปถึงสมาร์ทโฟนอย่าง ASUS Zenfone VR ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอีกก้าวของ Mixed Reality และคาดว่าจะมีการเติบโตมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

drone

4. โดรน (Drone) หรือที่เรียกกันยาวๆว่า อากาศยานไร้คนขับ

เดิมทีเราคงคุ้นเคยกับการใช้ “โดรน” เพื่อถ่ายภาพทางอากาศหรือสำรวจพื้นที่ในมุมสูง หากเป็นที่สหรัฐฯ บางบริษัทพัฒนาโดรนเพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าขนาดเล็ก ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในงาน CES 2017 เริ่มแสดงให้เห็นอีกก้าวของการพัฒนาโดรนที่สามารถดำลงใต้น้ำได้ ยกตัวอย่าง โดรน PowerRay จาก PoweVision ที่สามารถดำน้ำเพื่อบันทึกภาพใต้น้ำได้ ควบคุมได้เหมือนโดรนทั่วไป และอีกประเภทเป็นโดรนสำหรับการเซลฟี่ในชื่อ Hover Camera Passport เป็นต้น

fara

529274-cool-cars-at-ces

5. Smart Car อนาคตของการขับขี่รถยนต์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น

เป็นอีกปีของงาน CES 2017 ที่ต้นแบบรถยนต์แห่งอนาคตจากหลายค่ายยังคงทยอยออกมานำเสนอสู่สายตาสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ดาวเด่นคงต้องยกให้กับ “Faraday Future FF91” ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 130 kWh แรงขับ 1,050 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 km/h ได้ภายใน 2.39 วินาที แรงยิ่งกว่า Bugatti Veyron หรือ LaFerrari และแน่นอนว่ามันมาพร้อมความทันสมัยด้วยติดตั้งเทคโนโลยี AI เพื่อจดจำใบหน้าของเจ้าของรถสำหรับการสตาร์ทรถทันทีที่ขึ้นนั่งโดยไม่ต้องใช้กุญแจรถ และสามารถจดจำลักษณะพฤติกรรมของผู้ขับขี่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อสั่งงานให้หาที่จอดรถเอง รวมไปถึงรองรับการขับเคลื่อนบนท้องถนนแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย

นอกจากนี้ Faraday Future FF91 ยังมีค่ายอย่าง Honda ที่ภูมิใจนำเสนอรถ Honda NeuV รถยนต์ไฟฟ้าแบบสองที่นั่ง ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยในการขับขี่ ขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลอย่าง NVIDIA ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ Audi ในการพัฒนารถยนต์ที่ผสมผสานเทคโนโลยี AI เพื่อใช้งานบนท้องถนนจริงในปี 2020